ปาล์มน้ำมัน

[ปาล์มน้ำมัน][bsummary]

ยางพารา

[ยางพารา][bsummary]

เทคนิคจากสวน

[เทคนิคจากสวน][twocolumns]

NEWS

[News][bleft]

กระทรวงเกษตรฯ นำ 20 ประเทศ ชมศักยภาพ ไทยเป็นผู้นำยางพารารายใหญ่ของโลก

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ นำคณะทูต-ผู้ค้ายางจากประเทศผู้นำเข้ายางรายใหม่ 50 บริษัท จาก 20 ประเทศ ร่วมงาน โครงการสร้างเสริมศักยภาพเพื่อขยายตลาดคู่ค้ายางพาราไทย ที่ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการส่งเสริมการตลาดยางพาราโดยเฉพาะประเทศคู่ค้ายางรายใหม่ๆ ผ่านการชี้แจงนโยบายและเปลี่ยนข้อคิดเห็น การศึกษาดูงานการผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์ยาง เพื่อแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำของไทยในฐานะผู้ผลิตยางคุณภาพและการส่งออกยางพารารายใหญ่ของโลก

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการแสวงหาพันธมิตรคู่ค้าใหม่ในตลาดยางพารา ให้เชื่อมั่นต่อคุณภาพมาตรฐานและความหลากหลายของการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมต่างๆ ของไทย

โดยการจัดการครั้งนี้มีผู้ประกอบการรายใหม่กว่า 50 บริษัทจาก 10 ประเทศที่มีการนำเข้ายางเพื่อใช้ในประเทศในบริเวณมาก เช่น ญี่ปุ่น จีน อินเดีย เม็กซิโก อิหร่าน เป็นต้น

รวมถึงกระทรวงเกษตรฯ ยังได้เชิญคณะทูตานุทูตที่ประจำอยู่ที่ประเทศไทยกว่า 20 คนจาก 15 ประเทศซึ่งประเทศเป้าหมายส่วนใหญ่ยังไม่เคยมีการนำเข้ายางพาราจากไทยหรือยังมีปริมาณที่ไม่มากนัก เช่น รัสเซีย ตุรกี ฟินแลนด์ เม็กซิโก และบราซิล เป็นต้น
นายกฤษฎา บุญราช รมว.กระทรวงเกษตรกและสหกรณ์
หากคณะทูตานุทูตประเทศต่างๆ ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องการผลิตอย่างของไทยก็จะสามารถให้ข้อมูลกับผู้เข้าผู้นำเข้าหรือผู้ประกอบการอย่างได้อีกทางหนึ่งด้วย ตลอดจนขับเคลื่อนศักยภาพการพัฒนาการผลิตยางพาราและอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศจนทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยางพาราธรรมชาติที่มีคุณภาพและมาตรฐานและมีความหลากหลายด้วยสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล

โดยเป็นผลผลิตจากพื้นที่ปลูกยางพาราที่อยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ในพื้นที่รวม 25 ล้านไร่ จากเกษตรกรชาวสวนยางพารา จำนวน 1.65 ล้านคน มีกำลังการผลิตยางธรรมชาติได้มากถึง 4.5 ล้านตันต่อปี นับเป็น 1 ใน 3 ของผลผลิตยางรวมกันทั้งโลก และก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอันดับ 1 ของโลก ทั้งน้ำยางข้น ยางแท่ง และยางแผ่นรมควัน รวมถึงผลิตภัณฑ์จากยางพาราชนิด ต่างๆ อาทิ ถุงมือยาง ยางพาหนะและชิ้นส่วนยานยนต์ที่ทำมาจากยางพารา สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกสูงเป็นอันดับ 3 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของประเทศด้วยมูลค่าที่มากกว่า 5 แสนล้านบาท

นอกจากนั้น ไทยยังมีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมยางพารา หรือ Rubber City ขึ้น ที่ จ.สงขลา พื้นที่ 1,218 ไร่ ซึ่งมีศักยภาพพร้อมรับการลงทุนทั้งอุตสาหกรรมนวัตกรรมยางพารา อุตสาหกรรมจากน้ำยางข้น อุตสาหกรรมยางคอมปาวด์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง 
Rubber City เปิดกว้างอย่างเต็มที่ในการแสวงหาเพื่อสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าการตลาดยางพาราระดับนานาชาติ เพื่อร่วมกันสร้างให้ไทยได้กลายเป็นประเทศผู้รับจ้างผลิตในรูปแบบ OEM ซึ่งความพร้อมและศักยภาพอย่างครบวงจร

“ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางในการรับผลิตยางพาราตามความต้องการของผู้ประกอบการยางพาราและผู้นำเข้ายางจากทั่วโลก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลต่อเสถียรภาพราคายางพาราได้” 

นายกฤษฎา กล่าว

ส่วนสถานการณ์ยางพาราในประเทศ ขณะนี้ รมว.เกษตรฯ  กล่าวว่า จะต้องคุมปริมาณผลผลิตไม่ให้ล้นตลาด โดยไม่ให้ปลูกยางเพิ่ม ประกอบกับมาตรการใช้ยางในประเทศ ในภาคของหน่วยงานของรัฐ ได้สั่งซื้อยางกว่า 70,000 ตัน จากยอดใช้ยาง 140,000 ตัน คาดว่าราคาจะขยับตัวสูงขึ้น เมื่อดูดซับออกจากตลาด

แต่ขณะนี้ยังไม่หยุดกรีดยาง จะดูช่วงที่เหมาะสม เพราะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จึงเปลี่ยนมาตั้งศูนย์กลางการผลิตยาง โดยโรงงานแปรรูปยางเพื่อส่งออก ทำให้ราคาขยับขึ้น และจะไม่ต่ำไปกว่า 40 บาท/กก. 
นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ปลายปีนี้มีเป้าส่งออกกว่า 2 ล้านตัน จากตลาดใหม่ 100,000 – 200,000 ตันจากแถบยุโรป สหรัฐ อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง มั่นใจราคายางจะขยับขึ้น 10% ประมาณ 51-55 บาท โดยมีมาตรการผลักดันจะทยอยออกมา

อ้างอิง
- Advertisement -

ไม่มีความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม