การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) อัปเดตสถานการณ์โรคใบร่วงชนิดใหม่ยางพารา ยังคงเกาะติดเดินหน้า เร่งแก้ปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ หนุนนโยบาย และงบประมาณ พร้อมระดมกำลัง ส่งทีมลงพื้นที่สำรวจและติดตามโรค เร่งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
จากสถานการณ์เกิดการแพร่ระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราเมื่อปีที่ผ่าน
ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดในสวนยางพาราของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางอย่างรวดเร็วเกือบ
800,000 ไร่ใน 10
จังหวัดภาคใต้
กยท. ได้เร่งดำเนินการจนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้วในระดับหนึ่ง แม้ปีนี้ข้อมูล ณ ปัจจุบันยังคงพบการระบาดอยู่ประมาณ 23,269 ไร่ ใน 6 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา ตรังและสุราษฎร์ธานี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างมาก
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กยท. ได้จัดอบรมและแจกจ่ายเอกสารความรู้ด้านโรคและแนวทางการป้องกันกำจัด แก่พนักงาน เกษตรกรชาวสวนยางและผู้เกี่ยวข้องครอบคลุมแทบทุกพื้นที่ในภาคใต้ นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ กยท. ในพื้นที่ที่พบการระบาดของโรคนี้ดำเนินการประสานเกษตร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง หรือเจ้าของสวนยาง จัดทำโครงการของบประมาณจาก กยท. ตามมาตรา 49 (3) ในการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ฉีดพ่น รวมถึงยาป้องกันกำจัดเชื้อรา ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วใน 6 พื้น คือ จังหวัดนราธิวาส พังงา กระบี่ ตรัง และสุราษฎร์ธานี
ด้าน นายกฤษดา สังข์สิงห์
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง กล่าวว่า
หลังจากได้นำตัวอย่างไปวิเคราะห์พิสูจน์เชื้อหาสาเหตุแล้ว
พบว่าโรคใบร่วงชนิดนี้เป็นเชื้อ Colletotrichum
sp. สำหรับสารเคมีในการป้องกันกำจัดเชื้อราชนิดนี้ทดสอบได้ผลแล้วในห้องปฏิบัติการ
เช่นคาร์เบนดาซิม โพรพิโคนาโซล เฮกซะโคนาโซล โพรพิโคนาโซล+ไดฟีโนโคนาโซล เป็นต้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลไปทดสอบในสภาพแปลงจริงร่วมกับกรมวิชาการเกษตร
ดำเนินการที่ อ. ระแงะ ยี่งอ และสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส
โดยใช้ทั้งอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) และ เครื่องยนต์พ่นสารแบบแรงดันน้ำสูงชนิดลากสายในการฉีดพ่น
ซึ่ง กยท. จะติดตามผลต่อไป
ในส่วนของงบประมาณปี 2564
ยังมีโครงการศึกษากลไกการเข้าทำลาย สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเกิดโรค
หรือการเตือนภัยเพื่อนำมาใช้บริหารจัดการโรคได้ถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น