กยท. นำร่องโครงการ ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในสวนยาง 43,481 ไร่ มูลค่า 390 ล้าน ใน 7 ปี
กยท. จัดสัมมนา ‘Carbon Credit’ สร้างความเข้าใจ ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในสวนยาง ยกระดับอาชีพสวนยางยั่งยืน ควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จัดประชุมสัมมนาสร้างการรับรู้การดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิตของการยางแห่งประเทศไทย นายจิรวิทย์ มีชูภัณฑ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาการผลิต กล่าวว่า ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการขับเคลื่อนภารกิจเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ กยท. จึงมุ่งมั่นส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจตามแบบฉบับ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) ที่คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยการดำเนินโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตของ กยท. เนื่องจากต้นยางพาราเป็นพืชเกษตรที่มีศักยภาพสูงในการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สามารถนำไปใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ได้
กยท. ได้ดำเนินการโครงการฯ เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมา กยท. ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนาโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต” กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต เปิดโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ให้สามารถนำต้นยางพาราที่อยู่ในพื้นที่สวนยางเข้าสู่กระบวนการซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตได้ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นายจิรวิทย์
กล่าวเพิ่มเติมว่า ซึ่งที่ผ่านมา กยท. ได้ดำเนินโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตและยื่นขึ้นทะเบียนโครงการนำร่องกับ
อบก. มีชาวสวนยางในพื้นที่ จ.จันทบุรี จ.เลย และ จ.สุราษฎร์ธานี เข้าร่วมจำนวน 2,299 ราย
โดยมีพื้นที่สวนยางที่เข้าร่วมแล้วกว่า 43,481 ไร่
โดยคาดว่าการดำเนินโครงการนำร่องในช่วง 7 ปี จะสามารถสะสมปริมาณคาร์บอนเครดิตได้กว่า
1.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) คิดเป็นมูลค่ากว่า 390 ล้านบาท และในอนาคต กยท.
ตั้งเป้าหมายในการดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิตให้ครอบคลุมพื้นที่สวนยาง ทั้ง 20
ล้านไร่ทั่วประเทศภายในปี พ.ศ.2593
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น