ไทย-อินโด-มาเลย์ จับมือขับเคลื่อนเมืองยางพารา สร้างมูลค่าการส่งออก เชื่อมั่นส่งผลให้ราคายางสูงขึ้น
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 28 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ร่วมลงนามความร่วมมือขับเคลื่อนเมืองยางพารา 3 ประเทศ เพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขัน สร้างมูลค่าการส่งออก เชื่อมั่นส่งผลให้ราคายางสูงขึ้น
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 28 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ 3
ฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ระหว่างวันที่ 13-16 กันยายน 2565 โดยเป็นการประชุมร่วมกันในการหาแนวทางการเชื่อมโยงเศรษฐกิจของ 3
ประเทศ ในด้านการเกษตรกรและอุตสาหกรรมการเกษตร ด้านอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ด้านการท่องเที่ยว ด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและการเชื่อมต่อการขนส่ง ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้านการผลิตและให้บริการฮาลาล และด้านพลังงาน
การประชุมครั้งนี้
มีการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม แห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Ministry of Industry Republic of
Indonesia; MOI) หน่วยงานระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (Northern
Corridor Implementation Authority; NCIA) ประเทศมาเลเซีย
และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเป็นการเชื่อมโยงของเมืองยางพารา
(Rubber Cities) ของ 3 ประเทศสมาชิก มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมยางพารา ร่วมกำหนดนโยบายและทิศทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาง พร้อมทั้ง
ความร่วมมือด้านงานวิจัย นวัตกรรม
และเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ยาง ความร่วมมือด้านมาตรฐานและการรับรองผลิตภัณฑ์ยาง การส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรในวงการยางพารา
ตลอดจนความร่วมมือด้านธุรกิจของทั้ง 3 ประเทศ
จากความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้ Rubber City ของแต่ละประเทศมีศักยภาพในการดำเนินการและขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ลดการแข่งขันกันเองระหว่างเมืองยางพาราแต่ละแห่ง เพิ่มมูลค่าการส่งออกผ่านชายแดน (Border Trade) โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่มีทำเลที่ตั้ง Rubber City ใกล้กัน และคาดว่าราคายางจะเป็นไปในทิศทางที่ดีจากมูลค่าการค้าชายแดนที่เพิ่มสูงขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น