ปาล์มน้ำมัน

[ปาล์มน้ำมัน][bsummary]

ยางพารา

[ยางพารา][bsummary]

เทคนิคจากสวน

[เทคนิคจากสวน][twocolumns]

NEWS

[News][bleft]

ศรีตรัง ผลิตยาง 2.9 ล้านตัน/ปี รองรับตลาดยางขยายตัว

ถ้าอ่านข่าวและบทสัมภาษณ์ ของผู้บริหาร บริษัท ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกยางเบอร์ 1 ของไทย ก็พอจะจับทิศทางอุตสาหกรรมยางปีนี้ได้ว่าน่าจะ “กระจ่างใส” กว่าปีก่อนๆ

โดยเฉพาะข้อมูลที่อ้างบทวิเคราะห์ของ The Rubber Economist  คาดการณ์ว่าปีนี้ทั่วโลกมีความต้องการใช้ยาง 13.303 ล้านตัน แต่ทั่วโลกมีผลผลิตออกสู่ตลาดเพียง 13 ล้านตัน น้อยกว่าความต้องการ 3.03 แสนตัน ขณะที่สต็อกยางมีอยู่เพียง 2.19 ล้านตัน และยังคาดแนวโน้มราคายางโดยเฉลี่ยของปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับเฉลี่ย 1.5 เหรียญสหรัฐ/กก. หรือไม่ต่ำกว่า 50 บาท/กก.

บริษัท ศรีตรังฯ ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกยางพาราครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของไทยและของโลก มีกำลังการผลิตปีละ 2.4 ล้านตัน หรือประมาณ 12% ในตลาดโลก สร้างรายได้รวม 7.8 หมื่นล้านบาท/ปี จึงวางแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม หวังครองส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ 20% ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า 

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกร ให้สัมภาษณ์สื่อ ในวาระครบรอบ 30 ปี กลุ่มบริษัท ว่าปี 2560 ศรีตรังมีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำ เบอร์ 1 ของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในตลาดโลก จากปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาด 12% และมีแผนจะเพิ่มเป็น 20% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

โดยอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้ยางทั่วโลกเพิ่มขึ้น 3-4%/ปี โดย International Rubber Study Group (IRSG) คาดว่าปีนี้ตลาดโลกต้องการใช้ยาง 12.9 ล้านตัน ขณะที่ The Rubber Economist คาดการณ์ความต้องการไว้สูงถึง 13.303 ล้านตัน 

บริษัท ศรีตรัง จึงมีแผนเตรียมขยายกำลังการผลิตยางเพิ่ม จากโรงงานที่มีอยู่ 35 แห่ง กำลังการผลิตรวม 2.4 ล้านตัน และเตรียมสร้างโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่งในปีนี้ คือ ในภาคอีสาน กำลังการผลิต 7,200 ตัน/เดือน และในอินโดนีเซียอีก 5,000 ตัน/เดือน ทำให้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 2.9 ล้านตัน

เราตั้งเป้าว่าภายในระยะเวลาสองถึงสามปีข้างหน้า เราจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20% และจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกทั้งในธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำในการผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ด้วย”

หากชำแหละธุรกิจในเครือบริษัทศรีตรังจะพบว่า ทำธุรกิจยางพาราครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ แปรรูปกลางน้ำ และ อุตสาหกรรมปลายน้ำ โดยเฉพาะมีธุรกิจกลางน้ำมีขนาดใหญ่ที่สุด ถึง 90%  ได้แก่ การผลิตยางแท่ง น้ำยางข้น และยางแผ่นรมควัน  


ส่วนธุรกิจปลายน้ำมีสัดส่วน 10% คือ ธุรกิจถุงมือยาง ในนามบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด มียอดขายประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิต 1.4 หมื่นล้านชิ้น/ปี หวังแชร์ส่วนแบ่งเพิ่มในตลาด โดยมีคู่แข่งสำคัญคือ มาเลเซีย

กลุ่มบริษัทศรีตรัง ยังได้ขยายไปสู่ธุรกิจต้นน้ำด้วยการลงทุนในสวนยางพาราขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีพื้นที่สำหรับปลูกยางพาราประมาณ 50,000 ไร่ในหลายจังหวัดของประเทศไทย

นายวีรสิทธิ์ เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในปีที่ผ่านมามีจำนวน 1.5 ล้านตัน ส่วนปีนี้คาดว่าจะยอดขยายอยู่ระหว่าง 1.3-1.7 ล้านตัน 

“เหตุที่คาดการณ์ยอดขายไว้ค่อนข้างกว้าง เนื่องจากราคายางพาราช่วงนี้มีความผันผวนมาก ช่วงเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ราคายางขึ้นสูง และหลังจากนั้นราคาก็ลดลงตลอด คาดว่าหลังไตรมาส 2 ปีนี้จึงพอจะคาดการณ์ราคายางเฉลี่ยได้ แต่แนวโน้มปีนี้ราคายางจะดีกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 1.5 เหรียญสหรัฐ/กก.”

Advertising
ลงโฆษณา โทร. 08-6335-2703

ไม่มีความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม